วันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

DBA09 SPU -แปล A Model of Industrial Buyer Behavior-รูปแบบพฤติกรรมของผู้ซื้ออุตสาหกรรม(Sheth model ) โดย พ.ม.วันเฉลิม ประภัสสร 60560396

A Model of Industrial Buyer Behavior 

รูปแบบพฤติกรรมของผู้ซื้ออุตสาหกรรม
วัตถุประสงค์ของบทความนี้คือเพื่ออธิบายถึงรูปแบบพฤติกรรมของผู้ซื้อในองค์กรภาคอุตสาหกรรม ความรู้ที่สำคัญที่มีผลต่อพฤติกรรมผู้ซื้อในองค์กรและสามารถจำแนกได้ 3 หมวด คือ หมวดแรกประกอบด้วยการวิจัยเชิงประจักษ์แบบเป็นระบบที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการซื้อและการปฏิบัติของตัวแทนจัดซื้อและผู้ซื้อในองค์กรอื่นๆ หมวดที่ 2 เกี่ยวข้องกับรายงานอุตสาหกรรม และข้อสังเกของผู้ซื้อในภาคอุตสาหกรรม หมวดสุดท้าย เป็นประเภทประกอบด้วยหนังสือ เอกสาร และบทความที่ได้รับวิเคราะห์ ทฤษฎี แบบจำลอง และรวมถึงรายงานเกี่ยวกับกิจกรรมการซื้อสินค้าภาคอุตสาหกรรม สิ่งที่ต้องการในขณะนี้คือ การประนีประนอมและการผสมผสานความรู้ที่มีอยู่เข้ากับรูปแบบพฤติกรรมของผู้ซื้อในองค์กรที่เป็นไปได้และครอบคลุม หวังว่าแบบจำลองที่อธิบายไว้ในบทความนี้จะเป็นประโยชน์ดังนี้คือ ประการแรก เพื่อขยายวิสัยทัศน์การวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้ซื้อในองค์กรให้มีองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดและเป็นปฏิสัมพันธ์ของพวกเขา ประการที่ 2 เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวเร่งในการสร้างระบบสารสนเทศทางการตลาดจากมุมมองของผู้ซื้อในภาคอุตสาหกรรม และประการที่ 3 เพื่อสร้างสมมติฐานใหม่สำหรับการวิจัยในอนาคตที่เกี่ยวกับกระบวนการพื้นฐานโดยเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมของผู้ซื้อในองค์กร


คำอธิบายพฤติกรรมของผู้ซื้อในภาคอุตสาหกรรม
แบบจำลองพฤติกรรมของผู้ซื้อภาคอุตสาหกรรมซึ่งได้สรุปไว้ในรูปที่ 1 แม้ว่าภาพประกอบที่นำเสนอนี้มีลักษณะที่ซับซ้อนเนื่องจากตัวแปรมีจำนวนมากและมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนเพราะว่าแบบจำลองพยายามอธิบายและทำให้เห็นถึงการตัดสินใจซื้อสินค้าภาคอุตสาหกรรมทุกประเภท อย่างไรก็ตามสามารถประยุกต์ใช้แบบจำลองนี้ในการศึกษาเฉพาะได้อย่างน้อย 2 วิธี คือวิธีแรก ตัวแปรหลายตัวจะอยู่ในเงื่อนไขในการรักษาความแตกต่างระหว่างชนิดของผลิตภัณฑ์ที่ซื้อ(ปัจจัยเฉพาะของผลิตภัณฑ์)อย่างต่อเนื่องและความแตกต่างระหว่างประเภทขององค์กรจัดซื้อ  ปัจจัยภายนอกเหล่านี้จะไม่จำเป็น หากวัตถุประสงค์ของการศึกษาคือเพื่ออธิบายขั้นตอนการซื้อ พฤติกรรมสำหรับผลิตภัณฑ์หรือบริการเฉพาะ ประการที่ 2 ตัวแปรการตัดสินใจบางตัวที่อาจจะไม่ต้องคำนึงถึงในการสำรวจความคิดเห็นทางจิตวิทยาของผู้ซื้อในองค์กร ตัวอย่างเช่นความเอนเอียงในการรับรู้และตัวแปรค้นหาที่ใช้งานอยู่อาจถูกตัดออกจากความสนใจไม่ให้อยู่ในกระบวนการสื่อสารกับผู้ซื้อในองค์กร แบบจำลองนี้คล้ายกับแบบจำลอง Howard-Sheth ที่บอกถึงพฤติกรรมของผู้ซื้อในรูปแบบและการจำแนกตัวแปร แต่ทั้งนี้ยังมีความแตกต่างกันหลายประการ คือ ประการแรก ในขณะที่แบบจำลอง Howard-Sheth เป็นแบบทั่วไปและอาจเป็นประโยชน์มากในรูปแบบของพฤติกรรมของผู้บริโภคที่อธิบายไว้ในบทความนี้ซึ่งจำกัดเฉพาะการซื้อขององค์กรเพียงอย่างเดียว ประการที่ 2 แบบจำลอง Howard-Sheth ถูกจำกัดไว้ที่กระบวนการการตัดสินใจของแต่ละบุคคลในขณะที่แบบจำลองนี้อธิบายถึงกระบวนการการตัดสินใจร่วมกันอย่างเห็นได้ชัด และสุดท้าย ตัวแปรเล็กๆในแบบจำลองนี้มีมากกว่าพฤติกรรมของผู้ซื้อใน แบบจำลองของ Howard-Sheth พฤติกรรมของผู้ซื้อภายในองค์กรประกอบด้วยความแตกต่างกัน 3 ด้าน คือ ด้านแรกคือโลกทางจิตวิทยาของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจซื้อขององค์กร ด้านที่ 2 เกี่ยวกับเงื่อนไขที่ทำให้เกิดการตัดสินใจร่วมกันกับบุคคลเหล่านี้ ประเด็นสุดท้ายคือกระบวนการการตัดสินใจร่วมกันเกี่ยวกับความขัดแย้งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ระหว่างผู้มีอำนาจตัดสินใจและความละเอียดโดยอาศัยความหลากหลายของกลยุทธ์
โลกทางจิตวิทยาของผู้ตัดสินใจ
            ในทางตรงกันข้ามกับความเชื่อ การตัดสินใจซื้อในเชิงอุตสาหกรรมหลายอย่างที่ไม่ได้อยู่ในมือของตัวแทนจัดซื้อเท่านั้น โดยปกติการตั้งโรงงานอุตสาหกรรม พบว่า มีประมาณ 3 แผนกที่มีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องในกระบวนการจัดซื้อ สิ่งที่พบมากที่สุดคือบุคลากรการจัดซื้อการควบคุมคุณภาพและฝ่ายผลิต บุคคลเหล่านี้จัดว่าเป็นตัวแทนการจัดซื้อ วิศวกร และผู้ใช้งาน ตามลำดับ บุคคลอื่นๆหลายคนในองค์กรอาจจะเป็นอยู่ แต่โดยปกติแล้วจะไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการซื้อ(ตัวอย่างเช่นประธานบริษัทหรือผู้ควบคุมการขาย) มีความสัมพันธ์ที่สำคัญระหว่างบุคคล 3 แผนก ที่มีส่วนร่วมกันอย่างต่อเนื่องในกระบวนการซื้อและบ่อยครั้งที่พวกเขาจะต้องตัดสินใจร่วมกัน ดังนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องมีการตรวจสอบความเหมือนและความต่างในโลกจิตวิทยาของบุคคลเหล่านี้ จากการวิจัยในด้านจิตวิทยาผู้บริโภคและสังคมศาสตร์หลายแง่มุมของจิตวิทยาจิตวิทยาของผู้มีอำนาจตัดสินใจซึ่งรวมอยู่ในแบบจำลอง ปัจจัยหลักๆคือความคาดหวังของผู้มีอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับซัพพลายเออร์และแบรนด์(ในรูปที่ 1) รูปแบบปัจจุบันระบุกระบวนการที่แตกต่างกัน 5 แบบที่ก่อให้เกิดความคาดหวัง มีข้อแตกต่างกันระหว่างบุคคลที่เกี่ยวข้องในกระบวนการจัดซื้อ(1a) ประวัติของบุคคล (1b)แหล่งข้อมูล (1c)การค้นหาที่ใช้(1d)การบิดเบือนการรับรู้ และ(1e)การซื้อที่ผ่านมา ตัวแปรเหล่านี้ต้องได้รับการอธิบายและระบุการดำเนินงาน หากต้องแสดงถึงสภาพจิตใจของผู้ซื้อในองค์กร
ความคาดหวัง
            ความคาดหวังหมายถึงศักยภาพในการรับรู้ของซัพพลายเออร์และแบรนด์อื่นๆเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนและนัยในการตัดสินใจซื้อ วัตถุประสงค์ที่ชัดเจนที่สุด ได้แก่ ความสัมพันธ์กับคุรภาพของสินค้าเวลาในการจัดส่ง ปริมาณการให้บริการหลังการขายตามความเหมาะสมและราคา อย่างไรก๋ตามการศึกษาข้อหนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงบทบาทที่สำคัญของเกณฑ์ที่ไม่เหมาะสมหลายอย่างเช่น ชื่อเสียง ลำดับตำแหน่ง และความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันกับผู้จัดจำหน่าย บุคลิกภาพ ความเชียวชาญด้านเทคนิคการขายและวิธีชีวิตของพนักงานขาย ในความเป็นจริงการผสมผสานด้านการตลาดที่เป็นมาตรฐานระหว่างซัพพลายเออร์ในตลาดที่มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เป็นเกณฑ์ที่สำคัญในการตัดสินใจของผู้ซื้อภาคอุตสาหกรรม ความคาดหวังสามารถวัดได้ซึ่งจะมีรายละเอียดของผู้จัดจำหน่ายหรือแบรนด์ รายงานถึงความพึงพอใจที่ได้รับนั้นทำให้ผู้ตัดสินใจสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน การศึกษาที่ได้ทั้งหมดจากการวิจัยที่ผ่านมา ระบุว่า ความคาดหวังจะแตกต่างในหลุ่มคนที่เป็นตัวแทนจัดซื้อ วิศวกร และผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ เนื่องจากในแต่ละคนจะมีการพิจารณาที่แตกต่างกัน ในการให้ความสำคัญการตัดสินผู้จัดหาหรือแบรนด์ โดยทั่วไปพบว่า ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์มองหาการจัดส่งที่เมาะสมและการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ ตัวแทนจัดซื้อมักจะมองหาข้อได้เปรียบด้านราคาและคำนึงถึงความประหยัดในการจัดส่ง และวิศวกรรมมอหาความเป็นเลิศในคุณภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ ความแตกต่างเหล่านี้ในวัตถุประสงค์ และความคาดหวังมักเป็นสาเหตุหลักของความขัดแย้งอย่างต่อเนื่องระหว่างบุคคล 3 ประเภทนี้ เหตุใดจึงมีความแตกต่างอย่างมากในความคาดหวัง? แม้ว่านักวิจัยและผู้สังเกตการณ์เกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ซื้ออุตสาหกรรมเกี่ยวกับจำนวนและลักษณะของคำอธิบายซึ่งมีความเห็นตรงกันมีประมาณน้อย 5 ขั้นตอนที่โดดเด่นที่สุดซึ่งกำหนดความคาดหวังที่แตกต่างตามที่ระบุไว้ในแบบจำลองด้านล่าง
ประวัติความเป็นมาของบุคคล
            ปัจจัยแรกที่สำคัญที่สุดคือการวางแผนงานและงานของแต่ละบุคคลที่เกี่ยวข้องในกระบวนการซื้อ ภูมิหลังทางการศึกษาที่แตกต่างกันของตัวแทนจัดซื้อ วิศวกร และผู้จัดการโรงงาน มักจะสร้างเป้าหมายและค่านิยมที่แตกต่างกันอย่างมาก นอกจากนี้ความคาดหวังยังสร้างการรับรู้ที่ขัดแย้งในบทบาทของอีกฝ่ายในองค์การด้วย ในที่สุดวิถีชีวิตส่วนบุคคลของผู้มีอำนาจตัดสินใจแต่ละรายมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาความคาดหวังที่ต่างกัน
            การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยพื้นหลังเป็นเรื่องสะดวก ความแตกต่างด้านการศึกษาและงานมีความคล้ายคลึงกันกับข้อมูลประชากรในพฤติกรรมของผู้บริโภคและความแตกต่างของรูปแบบชีวิตสามารถประเมินได้จากมาตรวัดทางจิตวิทยาเกี่ยวกับความสนใจกิจกรรมและคุณค่าของแต่ละบุคคลในฐานะเป็นมืออาชีพ
แหล่งข้อมูลและการค้นหาที่ใช้งานอยู่
            ปัจจัยที่ 2 และ 3 ในการสร้างความคาดหวังที่แตกต่างกันคือแหล่งที่มาและประเภทของข้อมูลที่ผู้มีอำนาจตัดสินใจแต่ละคนได้รับและมีส่วนร่วมในการค้นหาที่ใช้งานอยู่ ตัวแทนจัดซื้อได้รับโอกาสในเชิงพาณิชย์มากขึ้นและข้อมูลเหล่านี้มักมีบางส่วนที่เอนเอียงไปยังผู้จัดจำหน่ายหรือแบรนด์ในบางบริษัทก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะกีดกันพนักงานขายจากการพูดโดยตรงกับบุคลากรด้านวิศวกรรมหรือการผลิต บุคลากรด้ารวิศวกรรมและการผลิตจะมีข้อมูลน้อยและสิ่งที่พวกเขาได้รับมาจากการประชุมมือาชีพรายงานการค้าและแม้แต่คำแถลง นอกจากนี้การค้นหาข้อมูลที่ใช้งานอยู่มักจะถูกส่งไปยังตัวแทนจัดซื้อเพราะถือว่าเป็นการรับผิดชอบในงานของพวกเขา เป็นสิ่งที่ไม่ยากเลยที่จะประเมินความแตกต่างระหว่างบุคคลทั้ง 3 ประเภทในการสัมผัสกับแหล่งต่างๆของข้อมูลด้วยวิธีวิจัยเชิงสำรวจแบบมาตรฐาน
การบิดเบือนการรับรู้
            ปัจจัยที่ 4 คือความบิดเบือนและการเก็บรักษาข้อมูลที่มีอยู่ แต่ละคนมุ่งมั่นที่จะทำให้มีวัตถุประสงค์สอดคล้องกับความรู้และความคาดหวังของเขาเองโดยการบิดเบือนอย่างเป็นระบบ ตัวอย่างเช่น เนื่องจากมีความแตกต่างอย่างมากในเป้าหมายและค่าของตัวแทนการจัดซื้อ วิศวกร และบุคลากรในการผลิตเราควรคาดหวังให้มีการตีความข้อมูลเดียวกันในแบบเดียวกัน แม้ว่าจะไม่มีการวิจัยเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับแนวโน้มนี้ในการเพิกเฉยต่อข้อมูลในเรื่องของพฤติกรรมของผู้ซื้อในอุตสาหกรรมก็ตามการค้นคว้าวิจัยเรื่องใหญ่ๆก็มีอยู่ในเรื่องความสอดคล้องกับความรู้ความเข้าใจในการอธิบายถึงความเป็นมนุษย์ตามธรรมชาติ
            การบิดเบือนการรับรู้อาจเป็นตัวแปรที่ยากที่สุดในการหาปริมาณโดยวิธีการวิจัยเชิงสำรวจแบบมาตรฐาน แนวทางหนึ่งที่เป็นไปได้คือการทดลอง แต่เสียค่าใช้จ่ายมาก ทางเลือกที่สำคัญมากก็คือการใช้เทคนิคการทำแผนที่การรับรู้เช่นการปรับขนาดหลายมิติหรือข้อเท็จจริงหรือการวิเคราะห์และเปรียบเทียบความแตกต่างในการตัดสินใจของตัวแทนจัดซื้อ วิศวกร และบุคลากรการผลิตไปยังซัพพลายเออร์และแบรนด์ทั่วไป


ความพึงพอใจในการซื้อสินค้าในอดีต
            ปัจจัยที่ 5 ก่อให้เกิดความคาดหวังที่แตกต่างกันในกลุ่มบุคคลต่างๆซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดซื้อ เป็นความพึงพอใจในประสบการณ์การซื้อสินค้าในอดีตกับผู้จัดจำหน่ายหรือแบรนด์ บ่อยครั้งที่ผู้จัดจำหน่วยหรือแบรนด์ไม่สามารถให้ความพึงพอใจกับทั้ง 3 ฝ่ายได้ เนื่องจากแต่ละคน มีเป้าหมายหรือเกณฑ์ที่แตกต่างกัน ตังอย่างเช่น ซัพพลายเออร์กำหนดต่ำกว่าราคา แต่ตารางการจัดส่งของเขาอาจไม่เป็นที่น่าพอใจ ในทำนองเดียวกันคุณภาพของผลิตภัณฑ์อาจดีมาก แต่ราคาอาจสูงกว่าผลิตภัณฑ์อื่น องค์กรมักให้ผลตอบแทนแต่ละคน เพื่อประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในทักษะพิเศษของเขา ดังนั้นตัวแทนจัดซื้อจะได้รับรางวัลด้านเศรษฐกิจวิศวกรด้านการควบคุมคุณภาพและบุคลากร เพื่อจัดตารางเวลาที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งมักทำให้เกิดความพึงพอใจในระดับต่างๆสำหรับแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แม้ว่าผู้จัดจำหน่ายหรือแบรนด์ที่เลือกอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในแง่ขององค์กรโดยรวม
            ประสบการณ์ที่ผ่านมา ผู้จัดจำหน่ายหรือแบรนด์สรุปไว้ในตัวแปรความพึงพอใจมีผลต่อความคาดหวังของบุคคลที่ผลต่อผู้จัดจำหน่ายหรือแบรนด์ดังกล่าว การวัดตัวแปรความพึงพอใจนั้นเป็นเรื่องง่ายโดยการขอข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการที่ผู้จัดจำหน่ายหรือแบรนด์ได้รับรู้จากทั้ง 3 ฝ่าย
ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจร่วมกันกับการปกครองตนเอง
            การตัดสินใจซื้อของภาคอุตสาหกรรมบางส่วนไม่ได้จัดทำร่วมกับเหล่าบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดซื้อ บางครั้งการตจัดสินใจซื้อต้องอาศัยอีกฝ่ายหนึ่งที่ไม่ใช่ตัวแทนจัดซื้อ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ซัพพลายเออร์ตะต้องทราบว่าการตัดสินใจซื้อเป็นแบบรวมหรืออิสระ และถ้าเป็นแบบอิสระจะมอบหมายให้ฝ่ายใดจัดการ ซึ่งมีหลักอยู่ 6 ประการที่ระบุไว้ว่าการตัดสินใจซื้อเฉพาะไม่ว่าจะเป็นแบบร่วมหรืออิสระ 3 ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับลักษณะของผลิตภัณฑ์หรือบริการ (2a)และอีก 3 ประการ ที่เกี่ยวข้องกับลักษณะของบริษัทผู้ซื้อ(2b)
ปัจจัยเฉพาะผลิตภัณฑ์
ตัวแปรเฉพาะผลิตภัณฑ์ตัวแรกคือสิ่งที่ Bauer กล่าวว่าได้เห็นความเสี่ยงในการตัดสินใจซื้อ  ความเสี่ยงที่รับรู้หมายถึงขนาดของผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยผู้ตัดสินใจ หากเขาเลือกผิดและความไม่แน่นอนเกิดขึ้นตามที่เขาต้องตัดสินใจ ความไม่แน่นอนในสถานการณ์การซื้อจะมีมากขึ้น ความเสี่ยงที่รับรู้ก็มากขึ้น แม้ว่าจะมีหลักฐานโดยตรงเพียงเล็กน้อย แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะตั้งสมมติฐานว่ายิ่งความเสี่ยงในการตัดสินใจซื้อมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีแนวโน้มว่าการตัดสินใจซื้อจะได้รับการพิจารณาร่วมกันโดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ปัจจัยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ 2 คือประเภทของการซื้อ ถ้าเป็นการซื้อครั้งแรกหรือรายจ่ายลงทุนครั้งเดียวในชีวิตหนึ่ง จะมีการคาดหวังให้มีการตัดสินใจร่วมกันมากขึ้น ในทางตรงกันข้ามถ้าการตัดสินใจซื้อซ้ำและเป็นกิจวัตรหรือ มีจำกัดเฉพาะผลิตภัณฑ์หรือบริการบำรุงรักษา การตัดสินใจซื้ออาจมีการมอบหมายให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลือก ปัจจัยที่ 3 คือความกดดันด้านเวลา ถ้าการตัดสินใจซื้อต้องอยู่ภายใต้ความกดดันด้านเวลาหรือในกรณีฉุกเฉินอาจมีการมอบหมายให้ฝ่ายหนึ่งเลือกมากกว่าที่จะตัดสินใจร่วมกัน
ปัจจัยเฉพาะของบริษัท
            ปัจจัยที่เฉพาะเจาะจงทั้ง 3 องค์กร ได้แก่ การวางแนวทางของบริษัท ขนาดของบริษัท และระดับการเป็นศูนย์กลาง ถ้าบริษัทเมีแนวทางใช้เทคโนโลยีมุ่งเน้นก็จะถูกครอบงำโดยคนวิศวกรรมและการตัดสินใจซื้อจะมีความสำคัญโดยการกระทำพวกเขา ในทำนองเดียวกันหากบริษัทมีการผลิตที่มุ่งเน้นการตัดสินใจซื้อต้องทำโดยบุคลากรผู้ผลิต ประการที่ 2 ถ้าบริษัทเป็นบริษัทขนาดใหญ่ การตัดสินใจจะมีแนวโน้มที่จะเป็นกิจการร่วมค้า ในที่สุดยิ่งระดับของการควบรวมกิจการมีมากเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสน้อยที่การตัดสินใจจะเป็นเรื่องร่วมกัน ดังนั้น บริษัทขนาดเล็กที่เป็นเอกชนซึ่งมีเทคโนโลยีหรือเริ่มการผลิต จะมีแนวโน้มไปสู่การตัดสินใจในทางที่เป็นอิสระและบริษัทมหาชนขนาดใหญ่ที่มีหุ้นส่วนจำนวนมากจะมีแนวโน้มที่จะมีการตัดสินใจร่วมกันมากขึ้น
            ถึงแม้จะมีหลักฐานการวิจัยที่สำคัญเกี่ยวกับพฤติกรรมขององค์กรรวมถึงปัจจัยทั้ง 6 ข้อเหล่านี้ แต่หลักฐานเชิงประจักษ์ในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าอุตสาหกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีความไม่สมบูรณ์ บางครั้งการวิจัยเพิ่มเติมก็จะเป็นไปได้ที่จะตรวจสอบ generalizations และตรรกะ deductive ใช้ในรูปแบบของรูปแบบนี้
ขั้นตอนการตัดสินใจร่วมกัน
            แรงผลักดันที่สำคัญของรูปแบบการตัดสินใจซื้อสินค้าอุตสาหกรรมในปัจจุบันก็คือการตรวจสอบขั้นตอนการตัดสินใจร่วมกัน ซึ่งรวมไปถึงการเริ่มตัดสินใจซื้อ การรวบรวมข้อมูล การประเมินซัพพลายเออร์ทางเลือกและการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างคู่สัญญาที่ต้องตัดสินใจร่วมกัน
            การตัดสินใจซื้อมักเกิดขึ้นจากความจำเป็นในการจัดหาสินค้าหรือเป็นผลมาจากการวางแผนระยะยาว การเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในกรณีแรกคือโดยทั่วไปจากบุคลากรฝ่ายผลิตจะมีวิธีการในใบขอเสนอซื้อ คำแนะนำดังกล่าวมักเป็นคำแนะนำอย่างเป็นทางการจากหน่วยการวางแผนไปยังคณะกรรมการเฉพาะกิจซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจัดซื้อ วิศวกรและผู้จัดการโรงงาน ฟังก์ชั่นการรวบรวมข้อมูลมักจะถูกส่งต่อไปยังตัวแทนจัดซื้อ หากการซื้อเป็นการตัดสินใจบ่อย สำหรับรายการมาตรฐาน การรวบรวมข้อมูลมีน้อยมาก โดยปกติตัวแทนจัดซื้อติดต่อผู้จัดจำหน่ายที่ต้องการและสั่งซื้อรายการในใบขอเสนอซื้อ อย่างไรก็ตามความพยายามในการค้นหาที่ใช้งานเป็นที่ประจักษ์อย่างมากสำหรับรายการค่าใช้จ่ายด้านเงินทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งซึ่งถือเป็นประสบการณ์การซื้อใหม่สำหรับองค์กร
            ส่วนที่สำคัญที่สุดของกระบวนการตัดสินใจร่วมกันคือการรวบรวมข้อมูล การปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจร่วมกัน  ตามที่ March และ Simon พูดถึงความขัดแย้งมีอยู่เมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องตัดสินใจร่วมกันระหว่างกลุ่มคนที่มีเป้าหมายและการรับรู้ในเวลาเดียวกัน ในมุมมองของความจริงตกลงกันเป็นยังสามารถใช้ได้อย่างสม่ำเสมอในหมู่ฝ่ายต่างๆเพื่อการตัดสินใจซื้ออุตสาหกรรม ความขัดแย้งกลายเป็นผลมาจากกระบวนการตัดสินใจร่วมกัน แรงจูงใจในการซื้อและความคาดหวังเกี่ยวกับแบรนด์และซัพพลายเออร์มีความแตกต่างกันอย่างมากสำหรับวิศวกรผู้ใช้และตัวแทนจัดซื้อส่วนหนึ่งมาจากภูมิหลังทางการศึกษาที่แตกต่างกันส่วนหนึ่งเป็นเพราะนโยบายของบริษัท ในการให้รางวัลสำหรับทักษะและมุมมองที่มีเฉพาะ
            ความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานของตนไม่จำเป็นต้องแย่ แต่สิ่งสำคัญที่สุดจากมุมมองขององค์กรคือความขัดแย้งได้รับการแก้ไขอย่างไร (3) ถ้าได้รับการแก้ไขในลักษณะที่มีเหตุผลหนึ่งมากหวังว่าการตัดสินใจร่วมกัน ขั้นสุดท้ายก็จะมีแนวโน้มที่จะต้องมีเหตุมีผล ถ้าความละเอียดของข้อขัดแย้งแย่กว่า ดังที่ Strauss เรียกว่า "ยุทธวิธีของความสัมพันธ์ด้านข้าง" องค์กรจะประสบกับความไร้ประสิทธิภาพและการตัดสินใจร่วมกันอาจลดลง เพื่อการเจรจาต่อรองและการมีส่วนร่วมทางการเมืองระหว่างบุคคลที่เกี่ยวข้อง จะเป็นการตัดสินใจกับเกณฑ์ที่ไม่มีเหตุผล แต่ทางเลือกของผู้จัดจำหน่ายอาจเป็นผลเสียต่อองค์กรการจัดซื้อ
            ความขัดแย้งประเภทใดที่สามารถคาดหวังในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าอุตสาหกรรมวิธีที่พวกเขามีแนวโน้มที่จะได้รับการแก้ไข? นี่เป็นกุญแจดอกสำคัญในการทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้ซื้อในอุตสาหกรรม หากความขัดแย้งระหว่างบุคคลเกิดขึ้นเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากความไม่เห็นด้วยกับความคาดหวังเกี่ยวกับซัพพลายเออร์หรือแบรนด์ของตนอาจเป็นไปได้ว่าข้อขัดแย้งจะได้รับการแก้ไขในรูปแบบการแก้ปัญหา ผลที่ตามมาของความขัดแย้งประเภทนี้ก็คือการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียด ขอให้พิจารณาเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลที่มีอยู่และหาผู้จัดหารายอื่น ๆ ที่ไม่ได้พิจารณาอย่างจริงจังมาก่อน ข้อมูลเพิ่มเติมจะนำเสนอในรูปแบบการแก้ปัญหาเพื่อให้ความขัดแย้งมีแนวโน้มลดลง
            หากข้อขัดแย้งระหว่างคู่สัญญาส่วนใหญ่เกิดจากการไม่เห็นด้วยกับเกณฑ์เฉพาะบางประการที่ใช้ในการประเมินซัพพลายเออร์ ถึงแม้จะมีข้อตกลงเกี่ยวกับเป้าหมายหรือเป้าหมายการซื้อในระดับพื้นฐานมีมากขึ้น แต่ก็น่าจะได้รับการแก้ไขโดยการชักนำ ความพยายามที่เกิดขึ้นภายใต้ความละเอียดแบบนี้จะชักชวนสมาชิกที่ไม่เห็นด้วยโดยชี้ให้เห็นความสำคัญของวัตถุประสงค์ขององค์กรโดยรวมและวิธีการที่เกณฑ์ของเขาไม่น่าจะบรรลุวัตถุประสงค์เหล่านี้ จะไม่มีความพยายามในการรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามมีผลมากขึ้นสำหรับการปฏิสัมพันธ์และการสื่อสารระหว่างคู่สัญญาและบางครั้งคนนอกจะจับมือกับกันอีกครั้งแม้จะมีข้อคิดเห็นแตกต่างกัน
            ทั้งนี้การแก้ปัญหาด้วยวิธีการชักชวนคือวิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่มีประโยชน์และมีเหตุผล การตัดสินใจร่วมกันที่เกิดขึ้นจึงมีแนวโน้มที่จะมีเหตุผลมากขึ้น ดังนั้นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเนื่องจากความไม่เห็นด้วยกับความคาดหวังเกี่ยวกับซัพพลายเออร์หรือตามเกณฑ์ที่กำหนดจะมีประโยชน์ต่อมุมมองขององค์กรแม้ว่าจะใช้เวลานาน ประการแรกมีแนวโน้มที่จะพบว่าที่สถานการณ์ทั่วไปจะมีมากขึ้นในความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เนื่องจากความแตกต่างด้านพื้นฐานในการซื้อซึ่งมีเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ในฝ่ายต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการตัดสินใจซื้อที่ไม่ซ้ำกันหรือการซื้อใหม่ที่เกี่ยวข้องกับรายการค่าใช้จ่ายด้านเงินทุน ความขัดแย้งไม่ได้รับการแก้ไขโดยการเปลี่ยนแปลงความแตกต่างในความสำคัญเชิงเปรียบเทียบของเป้าหมายการซื้อหรือวัตถุประสงค์ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง แต่ด้วยกระบวนการเจรจาต่อรอง ความแตกต่างพื้นฐานระหว่างคู่สัญญาจะยอมรับโดยมติของสมาชิกทุกคนและแนวคิดของความยุติธรรมแจกจ่าย (tit for tat) เรียกเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาต่อรอง ผลที่พบมากที่สุดคือการอนุญาตให้พรรคเดียวสามารถตัดสินใจได้โดยอิสระในสถานการณ์เฉพาะนี้เพื่อแลกกับความไว้ใจหรือสัญญาว่าด้วยการตอบแทนซึ่งกันและกันในการตัดสินใจในอนาคต
            สุดท้ายหากความไม่เห็นด้วยไม่ได้เป็นเพียงเกี่ยวกับการซื้อ เป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ แต่ยังเกี่ยวกับรูปแบบของการตัดสินใจความขัดแย้งมีแนวโน้มที่จะเป็นกับดักและพรมแดนส่งผลต่อความไม่ชอบซึ่งกันและกันของบุคลิกภาพในหมู่ผู้มีอำนาจตัดสินใจแต่ละราย ความละเอียดของความขัดแย้งประเภทนี้โดยทั่วไปคือการใช้กลยุทธ์ทางการเมืองและการแทงกลับ วิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งดังกล่าวเป็นเรื่องปกติในการตัดสินใจซื้อสินค้าอุตสาหกรรม ผู้อ่านจะถูกอ้างถึงการค้นคว้าของ Strauss เพื่อจะอภิปรายต่อไป
            การเจรจาต่อรองและการเลือกตั้งเป็นวิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่ไม่มีเหตุผลและไม่มีประสิทธิภาพ องค์กรการกุศลได้รับอุปสรรคจากความขัดแย้งเหล่านี้ นอกจากนี้ผู้มีอำนาจตัดสินใจพบว่าตัวเองจมอยู่ใต้บทบาทการเป็นมืออาชีพและการบริหารของพวกเขา การตัดสินใจจะไม่ล่าช้าเพียงอย่างเดียว แต่มีแนวโน้มที่จะถูกควบคุมโดยปัจจัยอื่นนอกเหนือจากความสำเร็จของวัตถุประสงค์ขององค์กร
บทบาทสำคัญของปัจจัยสถานการณ์
            แบบจำลองอธิบายไว้แล้วว่าการเลือกซัพพลายเออร์หรือแบรนด์เป็นผลมาจากกระบวนการตัดสินใจที่มีระบบในการจัดองค์กร อย่างไรก็ตามมีหลักฐานเชิงประจักษ์เพียงพอในวรรณกรรมเพื่อชี้ให้เห็นว่าอย่างน้อยบางส่วนของการตัดสินใจซื้อในอุตสาหกรรมถูกกำหนดโดยปัจจัยสถานการณ์เฉพาะกิจ (4) และไม่ใช่กระบวนการตัดสินใจใด ๆ ที่เป็นระบบ กล่าวอีกนัยหนึ่งคล้ายคลึงกับพฤติกรรมของผู้บริโภคผู้ซื้อในอุตสาหกรรมมักจะตัดสินใจเกี่ยวกับปัจจัยอื่นที่ไม่ใช่เกณฑ์ที่มีเหตุผลหรือมีเหตุผล
            เป็นสิ่งที่ยากในการจัดทำรายการเกี่ยวกับเงื่อนไขเฉพาะกิจที่กำหนดพฤติกรรมของผู้ซื้ออุตสาหกรรมโดยไม่ต้องมีการตัดสินใจ อย่างไรก็ตามปัจจัยทางด้านสถานการณ์หลายอย่างที่มักจะแทรกแซงระหว่างทางเลือกจริงกับกระบวนการตัดสินใจก่อนหน้านี้สามารถแยกออกได้ ซึ่งรวมถึง: ภาวะเศรษฐกิจชั่วคราวเช่นการควบคุมราคา ภาวะถดถอยหรือการค้าต่างประเทศ นัดหยุดงานภายใน, การหยุดทำงาน, การผันแปรของเครื่องและเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตอื่น ๆ การเปลี่ยนแปลงองค์กรเช่นการควบรวมกิจการหรือการได้มา และการเปลี่ยนแปลงเฉพาะกิจในตลาดเช่นความพยายามในการส่งเสริมการขายการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ การเปลี่ยนแปลงราคาและอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมซัพพลายเออร์
นัยสำหรับการวิจัยการตลาดอุตสาหกรรม
            รูปแบบของพฤติกรรมของผู้ซื้อในอุตสาหกรรมที่อธิบายไว้แล้วข้างต้นแสดงให้เห็นถึงความหมายดังต่อไปนี้สำหรับการวิจัยทางการตลาด
ประการแรกเพื่อที่จะอธิบายและคาดการณ์ทางเลือกของผู้จัดจำหน่ายหรือแบรนด์ในพฤติกรรมของผู้ซื้อในอุตสาหกรรม จำเป็นที่จะต้องทำการวิจัยเกี่ยวกับจิตวิทยาของบุคคลอื่นในองค์กรนอกเหนือจากตัวแทนจัดซื้อ อาจเป็นลักษณะเฉพาะของโครงสร้างและพฤติกรรมขององค์กรซึ่งจะนำไปสู่การแบ่งแยกผู้บริโภคผู้ซื้อและตัวแทนจัดซื้อรวมทั้งคนอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับกระบวนการตัดสินใจ ในความเป็นจริงอาจไม่เป็นการพูดเกินจริงแต่เพื่อแนะนำว่าตัวแทนจัดซื้อมักไม่ค่อยมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจในพฤติกรรมของผู้ซื้อในอุตสาหกรรม
ประการที่สองมีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการและหาจำนวนตัวแปรที่รวมอยู่ในโมเดลได้มากที่สุด ในขณะที่บางคนมีความพยายามและหาทางอ้อมมากขึ้น ทักษะทางจิตวิทยาในการวิจัยทางการตลาดมีอยู่ในปัจจุบันเพื่อหาจำนวนจิตวิทยาของบุคคล
ประการที่สามแม้ว่าจะมีการวิจัยเกี่ยวกับข้อมูลประชากรขององค์กรในการวิจัยตลาดในอุตสาหกรรมเช่นการหมุนเวียนและขนาดของบริษัท เวิร์กโฟลว์ การจำแนกประเภทอุตสาหกรรมมาตรฐานและอัตราส่วนกำไร – ข้อมูลเกี่ยวกับประชากรและชีวิตในบุคคลที่เกี่ยวข้องในการตัดสินใจซื้อสินค้าอุตสาหกรรมเก็ยังป็นสิ่งจำเป็นอยู่
ประการที่สี่การตรวจสอบอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับตำแหน่งอำนาจของบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจซื้อสินค้าในภาคอุตสาหกรรมถือเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นของแบบจำลอง เงื่อนไขที่เพียงพอคือการตรวจสอบการค้าระหว่างกันในเรื่องวัตถุประสงค์ต่างๆทั้งที่ชัดเจนและโดยมีนัยเพื่อสร้างความพึงพอใจของลูกค้า
ประการที่ห้าเป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างระบบข้อมูลการวิจัยตลาดสำหรับสินค้าอุตสาหกรรมและบริการที่กระบวนการพิจารณาความขัดแย้งระหว่างคู่สัญญาและผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้จัดจำหน่ายหรือเลือกแบรนด์จะถูกรวมและจำลองอย่างรอบคอบ

ในที่สุดสิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่าการตัดสินใจในอุตสาหกรรมไม่ใช่ทั้งหมด แต่เป็นผลลัพธ์ของกระบวนการตัดสินใจอย่างเป็นระบบ มีบางอุตสาหกรรมการตัดสินใจซื้อที่ยึดตามอย่างเคร่งครัดในชุดของปัจจัยสถานการณ์ที่สร้างทฤษฎีหรือการสร้างแบบจำลองจะไม่เกี่ยวข้องหรือเป็นประโยชน์เลย สิ่งที่จำเป็นในกรณีเหล่านี้คือรายการตรวจสอบข้อสังเกตเชิงประจักษ์ของเหตุการณ์เฉพาะกิจที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทฤษฎีกับรูปแบบกับการตัดสินใจซื้อเฉพาะ
***********************************************************
สรุปโมเดลพฤติกรรมการซื้อขององค์การในอุตสาหกรรมของ Sheth model ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ
1. จิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการตัดสินใจซื้อของบุคคล
2. เงื่อนไขสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ
3. เมื่อกระบวนการซื้อมาถึงการตัดสินใจร่วมกัน ซึ่งอาจมีความเห็นที่แตกต่างเกิดขึ้น Sheth แสดงให้เห็นถึงปัจจัยของสถานการณ์ที่มีส่วนผลักดันให้เกิดการตัดสินใจที่ต้องงเลือกผู้จำหน่ายหรือแบรนด์
1. ลักษณะทางจิตวิทยา คือองค์ประกอบของ Sheth model คือแนวคิดเกี่ยวการคาดหวัง ซึ่งได้กำหนดว่าทัศนคติที่มีต่อผู้จำหน่ายหรือแบรนด์ที่ตอบสนองความพึงพอใจที่เกิดจากสถานการณ์ที่ต้องการซื้อ เพราะว่าแต่ละบุคคลประกอบด้วย
- ตัวแทนฝ่ายจัดซื้อ (Purchasing Agents)
- วิศวกร(Engineers)
- ผู้ใช้งาน(User)
- อื่นๆ(othres)
ที่เกี่ยวข้องกับขั้นต้นการจัดซื้อ ซึ่ง Sheth ระบุปัจจัยหลายอย่างที่เกิดขึ้นมาจากการคาดหวังของแต่ละบุคคล (ตัวแทนฝ่ายจัดซื้อ วิศวกร ผู้ใช้งาน อื่นๆ) ที่แตกต่างกันที่เกิดจากประวัติความเป็นมาของแต่ละบุคคลหรือภูมิหลัง(Background of the individual) ที่แตกต่าง แหล่งข้อมูลที่แตกต่างกัน (Information Sources) การรับรู้อาจบิดเบือน(Perceptual Distortion) และความพอใจเกี่ยวกับการซื้อ(Satisfaction whit Purchase)
2. การร่วมตัดสินใจ (Joint Decision Making):  Sheth บอกถึงความแตกต่างระหว่างการตัดสินใจของบุคคล (Autonomous decision) กับการตัดสินใจร่วมกันของกลุ่ม (Joint Decision) ซึ่งมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องได้แก่ ปัจจัยความเฉพาะเจาะจงของสินค้า
- กดดันเรื่องระยะเวลา(Time pressure)
- การยอมรับความเสี่ยง (Perceived Risk)
- ประเภทการซื้อ (Type of purchase)
ปัจจัยเฉพาะเจาะจงของบริษัท(Company-specific Factors) เช่น ลักษณะขององค์กร ขนาดขององค์กรและระดับการมอบอำนาจการซื้อตามโมเดล การซื้อที่ไม่เป็นไปตามปกติ จะทีความเสี่ยงที่สูงกว่าและมีข้อจำกัดทางเวลาที่น้อยลง ซึ่งปัจจัยทั้งหมดมีผลต่อการร่วมตัดสินใจ
3. ความคิดเห็นที่แตกต่าง(Conflict Resolution) กะบวนการที่มีความคิดที่แตกต่างกัน มีความเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจร่วมเพื่อเป้าหมาย ทัศนคติ ระบบคุณค่า ที่หลากหลายจากการติดตามผลความสำเร็จในระยะแรก รวมถึงจำแนกความต้องการ รวบรวมข้อมูลการประเมินผู้จัดจำหน่าย ผู้มีอำนาจการตัดสินใจร่วมจะเข้ามามีบทบาทในการยุติ ความคิดเห็นที่แตกต่าง เพื่อหาข้อสรุป Sheth ได้ซึ่งหลักการที่มีเหตุผลในการแก้ไขปัญหาความคิดเห็นที่แตกต่าง โดยกำหนดการหาข้อมูล การใช้ความรอบคอบ และการโน้มน้าวที่จะลดข้อขัดแย้ง โดยอาศัยภาพรวมขององค์กรเป็นหลัก

ที่มา https://www.jagsheth.com/buyer-behavior/a-model-of-industrial-buyer-behavior/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น